kiku
sangkasanee@gmail.com
หลักในการเลือกซื้อ printer อย่างมืออาชีพ (5955 อ่าน)
14 ธ.ค. 2555 23:38
ในยุคปัจจุบันนี้ แทบทุกบ้านมักจะมีคอมพิวเตอร์และอินเตอร์เน็ตใช้กันเกือบหมดแล้ว ซึ่งช่วยให้เราสะดวกสบายกว่าแต่ก่อนมาก แต่สิ่งหนึ่งที่มักจะเป็นสิ่งจำเป็นคู่กันกับการใช้ pc หรือ notebook ก็คือการมี printer ไว้สำหรับพิมพ์งานต่างๆ ตามที่เราต้องการ
แต่การที่จะเลือกซื้อเครื่อง printer ดีๆ สักเครื่องหนึ่ง อาจทำให้หลายๆ ท่านปวดหัวอยู่ไม่น้อย ทั้งเรื่องยี่ห้อและรุ่นที่มากมายจนจำไม่ไหว หรือคุณสมบัติต่างๆ ที่ไม่รู้จะเลือกอย่างไร บทความนี้ก็จะขอแนะนำคุณผู้อ่านให้ทราบถึง ข้อคิดหรือหลักในการเลือกซื้อ printer จะได้เลือกให้เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุดและคุ้มค่าที่สุดนั่นเองครับ
ข้อคิดในการเลือกซื้อพริ้นเตอร์ (printer) ขออธิบายในแต่ละหัวข้อเลยครับ
1. เลือกชนิดของ printer ให้ถูกต้องตามประเภทของการใช้งาน
ก่อนที่เราจะเลือกซื้อ ควรจะทราบเสียก่อนว่าต้องการนำไปใช้งานแบบใดเป็นหลักหรือต้องการฟังก์ชันใดๆ บ้าง เช่น นำไปพิมพ์เอกสารทั่วๆ ไป, พิมพ์ภาพถ่าย, การพิมพ์พร้อมทำสำเนา หรือต้องการใช้งานที่หลากหลาย หรือพิมพ์งานที่ต้องการความคมชัดมากๆ ซี่งประเภทของ printer นั้นมีมากมายหลายแบบมาก (ส่วนรายละเอียดของชนิด printer แบบต่างๆ สามารถอ่านได้ในเนื้อหาบทความถัดไปครับ)
2. สำรวจงบประมาณที่ต้องการซื้อ ที่คุ้มค่ากับการใช้งาน
หากคุณผู้อ่านมีงบประมาณที่จะซื้ออยู่แล้ว ก็สามารถคำนวณได้ว่าจะซื้อ printer รุ่นใดได้บ้าง และมีฟังก์ชันที่เพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ ซึ่งหากตัดฟังก์ชันบางอย่างหรือคุณสมบัติที่ไม่ต้องการออกไป ก็จะทำให้สามารถลดงบประมาณในการซื้อลงได้
3. เปรียบเทียบคุณสมบัติของเครื่องพิมพ์แต่ละรุ่น
เมื่อเลือกชนิดของ printer ได้ และทราบงบประมาณแล้ว เราก็ควรพิจารณาคุณสมบัติหรือ spec ต่างๆ ของ printer แต่ละรุ่น เพื่อเปรียบเทียบกันว่าควรจะซื้อรุ่นไหนดี โดยหัวข้อสำคัญที่เราควรจะทราบหลายๆ อย่างเช่น
- ความละเอียด (Resolution) ว่า printer เครื่องนี้พิมพ์ได้ละเอียดแค่ไหน (หน่วยเป็น dpi) ซึ่งโดยส่วนมากแล้ว printer ในปัจจุบันก็พิมพ์งานได้ละเอียดมากพออยู่แล้วครับ คุณภาพการพิมพ์มักจะขึ้นอยู่กับการปรับตั้งค่า และกระดาษที่ใช้มากกว่า
- ขนาดของหยดหมึก หน่วยเป็น pl
- ความเร็วในการพิมพ์ ซึ่งอาจมีความแตกต่างกัน หากพิมพ์งานสีหรืองานขาว-ดำ, หากเราต้องการพิมพ์งานทีละมากๆ หรือใช้ในออฟฟิส ก็ควรใช้เครื่อง printer ที่มีความเร็วสูงขึ้น
- ขนาดกระดาษที่รองรับ (เล็กสุด-ใหญ่สุด) พิมพ์กระดาษได้หนาแค่ไหน, พิมพ์ไร้ขอบได้หรือไม่, รองรับการพิมพ์ 2 ด้านหรือไม่, ถาดป้อนกระดาษป้อนได้สูงสุดแค่ไหน
- หมึกพิมพ์ที่ใช้ ใช้หมึกพิมพ์แบบแยกสี หรือรวมเป็นตลับเดียว ซึ่งหากใช้หมึกพิมพ์แบบแยกเป็นแต่ละสีจะประหยัดกว่า เนื่องจากจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งตลับกรณีหมึกหมด และโดยปกติแล้ว หมึกพิมพ์ของ printer แต่ละรุ่น มักจะราคาไม่เท่ากัน (ไม่แนะนำให้ซื้อ printer ที่ราคาถูกเพียงอย่างเดียวครับ เพราะหมึกพิมพ์มักมีราคาแพง ทำให้ไม่คุ้มค่าในระยะยาว)
- การเชื่อมต่อ, การสั่งพิมพ์ ซึ่ง printer รุ่นใหม่ๆ บางรุ่นใช้เป็น wireless แล้ว และสามารถสั่งพิมพ์ได้ง่ายๆ จากกล้องหรือมือถือได้อีกด้วย
- ฟังก์ชั่นเสริมอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น มี scan และถ่ายเอกสารในตัว, สามารถรับ-ส่ง แฟ็กซ์ได้
- เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา เช่น บางยี่ห้อมีเทคโนโลยีของหมึกพิมพ์โดยเฉพาะซึ่งช่วยให้การพิมพ์ภาพสีมีความคมชัดและสดใสมากยิ่งขึ้น
4. พิจารณาผู้ขาย หรือตัวแทนขายที่น่าเชื่อถือ
ปัจจุบันนี้มีช่องทางและวิธีการสั่งซื้อมากมาย ทั้งการไปเดินเลือกซื้ัอเอง ซื้อสินค้าผ่านทางโทรศัพท์ หรือที่ง่ายมากๆ ในปัจจุบัน สามารถแค่คลิกสั่งซื้อผ่านหน้าจอได้เลย ซึ่งการที่จะเลือกซื้อจากผู้ขายแต่ละวิธี ก็ขึั้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล แต่สิ่งสำคัญคือควรเลือกผู้ขายที่น่าเชื่อถือ ให้ข้อมูลละเอียดและถูกต้อง รวมถึงมีช่องทางการชำระเงินที่ปลอดภัย
โดยหากเป็นการสั่งสินค้าออนไลน์นั้นในปัจจุบันนี้ก็ถือว่ามีความสะดวกเป็นอย่างมาก เราสามารถสั่งซื้อผ่านหน้าจอคอมฯ และรอรับสินค้าที่บ้านในวันถัดไปได้เลย ซึ่งถือว่ามีความสะดวกมาก โดยในการสั่งซื้อออนไลน์นั้น สิ่งที่เราควรคำนึงถึงก็คือ ผู้ขายมีเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือและมีช่องทางการติดต่อได้จริง รวมทั้งจะต้องมีการจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็คทรอนิกส์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทำให้เรามั่นใจว่าจะไม่ถูกโกงอย่างแน่นอน
5. การรับประกันและการบริการหลังการขาย
ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อและจ่ายเงินนั้น ควรตรวจสอบดูให้ดีว่า printer ที่เราซื้อมานั้นมีการรับประกันหรือไม่อย่างไรบ้าง เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียใจภายหลังหากเกิดปัญหาขึ้น หรือมีการบริการอื่นๆ อีกหรือไม่ เช่น จัดส่งฟรีถึงบ้าน, สามารถออกใบกำกับภาษีให้สำหรับลูกค้าที่เป็นองค์กรหรือบริษัทด้วย, มีช่องทางการติดต่อกรณีมีปัญหาที่สะดวกสบาย เช่น มี call center หรือมีอีเมล์สำหรับรับแจ้งปัญหาต่างๆ
บทความจาก http://print-smart.blogspot.com
223.205.179.225
kiku
ผู้เยี่ยมชม
sangkasanee@gmail.com